Review : OPPO F5 [6GB] สีแดงแรงฤทธิ์ เซลฟี่โฟนที่มาพร้อมเทคโนโลยี A.I. Beauty ในความจุที่มากกว่า !!
Review : OPPO F5 [6GB] สีแดงแรงฤทธิ์ เซลฟี่โฟนที่มาพร้อมเทคโนโลยี A.I. Beauty ในความจุที่มากกว่า !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่านกลับมาพบกับรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย หลังจากที่เราได้รีวิว OPPO F5 รุ่นปกติไปก่อนหน้านี้ก็ดูจะมีกระแสความสนใจเข้ามามากมายทีเดียว วันนี้เราก็มีอีกหนึ่งรุ่นจากซีรีส์ F5 มารีวิวให้ชมกัน ตามชื่อบทความเลยครับรอบนี้เป็นคิวของ OPPO F5 รุ่นแรม 6GB หรือรุ่นท็อปสุดในซีรีส์นี้ ซึ่งเอาจริงๆฟีเจอร์การใช้งานโดยรวมนั้นไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ก็มีบางจุดที่แตกต่างกันอยู่ด้วย ว่าแล้วก็มาอ่านรีวิวไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าว่ารุ่นท็อปแบบนี้จะมีอะไรพิเศษเพิ่มขึ้นมาบ้างเนาะ :D
แกะกล่อง OPPO F5 [6GB]
เริ่มที่เช็คดูอุปกรณ์จากตัวกล่องกันก่อนเลย หน้าตาของกล่องยังคงมาในทรงเดิมคือ กล่อง 2 ชั้นด้านหน้าระบุชื่อรุ่นพร้อมภาพประกอบไว้ชัดเจน พร้อมสโลแกนว่า Capture the Real You ตรงนี้ไม่ต่างจากตอน F5 เลย เพียงแต่จะมีคำว่า 6GB ตามท้ายชื่อรุ่นในกรอบสีทองเพิ่มเข้ามา ภาพตัวเครื่องหน้ากล่องรอบนี้เราได้เครื่องสีแดงมา หน้ากล่องก็เป็นสีแดงเด่นๆแบบนี้เลย
เปิดกล่องออกมาเช็คอุปกรณ์ภายในทั้งหมดก็มีดังนี้ครับ
- ตัวเครื่อง OPPO F5[6GB]
- คู่มือการใช้งานและใบรับประกัน
- เคสพลาสติกแข็งใส
- สาย Micro-USB
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- หูฟัง (แบบ Earbud)
- เข็มจิ้มถาดซิม
ยลโฉม OPPO F5 [6GB]
มายลโฉมตัวเครื่องกันเลยดีกว่า OPPO F5 รุ่น 6GB เอาจริงๆก็มีดีไซน์ก็ไม่ต่างจากรุ่นปกติเลยล่ะ แต่ไหนๆเราก็ได้สีใหม่อย่างสีแดงมาแล้ว ขออธิบายกันใหม่เลยดีกว่า รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอแบบ Full Screen Display หน้าจอด้านหน้าจึงใช้พื้นที่ได้มากเต็มไปเกือบทั้งด้านหน้า มีขอบหน้าจอบน-ล่างเล็กน้อยเท่านั้น ขนาดจะอยู่ที่ 6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ในอัตราส่วน 18:9 ครับ
ชนิดหน้าจอเป็นแบบ TFT-LTPS ในเรื่องการแสดงผลทำได้ดีครับ ด้วยความละเอียดแบบ FHD+ เทียบกับขนาดหน้าจอ 6 นิ้วนี้แล้วถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ด้วยความหนาแน่นของพิกเซลกว่า 403ppi ด้วย มุมมองกว้างจะเอียงเครื่องไปตามมุมต่างๆก็ยังคงสีสันสวยงามอยู่นะ
เหนือหน้าจอมีกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล , ลำโพงสนทนา , และเซนเซอร์วัดแสงและจับระยะครับ
ตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้วตั้งแต่ในกล่อง สำหรับใครที่กังวลว่าจะไปหาติดแยกก็หายห่วงครับ แต่ด้วยความที่ตัวกระจกหน้าจอของรุ่นนี้เป็นแบบ 2.5D ฟิล์มที่ติดมาจึงไม่เต็มจอเท่าไหร่นัก จะมีขอบเหลืออยู่นิดหน่อย ส่วนฟิล์มที่ติดมาก็ยังแอบมีช่องให้ฝุ่นเข้าไปได้อยู่
ขนาดตัวเครื่องทำได้พอดีมือมากๆถ้าพูดถึงจอที่ใหญ่ถึง 6 นิ้ว เรียกว่าพอจับถือมือเดียวได้อย่างถนัดมือ แต่ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น การใช้งานเอื้อมนิ้วจากบนลงล่างอาจจะทำไม่ได้ในมือเดียวนะ แต่ความกว้างจากซ้ายไปขวาหรือขวามาซ้ายทำได้ปกติประหนึ่งมือถือจอ 5.5 นิ้วเลยครับ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังของตัวเครื่อง จะเห็นสีแดงสดสวยๆ (จัดจ้านมาก) วัสดุรุ่นนี้เป็นโลหะแบบ Unibody ดูพรีเมี่ยมและทนทานดีทีเดียว ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านๆ มีการออกแบบเส้นเสาอากาศเป็นเส้นเล็กๆสีเงินคาดไปตรงมุมบนและล่างของตัวเครื่องกลืนไปกับตัวเครื่องไม่้เด่นสะดุดตาจนน่าเกลียด
แต่ตัวเครืองสีแดงแบบนี้ ดูไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือมากเท่ากับตอนสีดำที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้เท่าไหร่นัก ทำให้ยิ่งอยากถืออวดสีสดๆของฝาหลังมากขึ้นไปอีก
เลนส์กล้องของรุ่นนี้มีความนูนออกมาจากตัวเครื่องนิดหน่อย คล้ายกับรุ่นก่อนๆล่ะเนาะ ข้างๆมีไฟแฟลช และตรงกลางเครื่องจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทรงพอดีนิ้ววางอยู่ด้วยครับ
ตัวปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ที่ด้านซ้ายมือของตัวเครืองแยกเป็น 2 ปุ่มชัดเจนตรงนี้
ด้านขวามือมีช่องใส่ซิมและปุ่ม Power
ตัวถาดซิมของรุ่นนี้แบ่งเป็น 3 Slot เลย ซึ่งเท่ากับว่าเราสามารถใส่ได้ทั้ง 2 ซิมและใส่ Micro-SD ได้ด้วย ดีตรงนี้ไม่ต้องมีแยกว่าจะเลือกเม็มหรือซิมแบบถาดไฮบริดแล้วนาะ
ด้านบนตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนเท่านั้น
ด้านล่างมีลำโพงหลักของตัวเครื่อง , พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Micro-USB , ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องหูฟังแจ็ค 3.5 มม.
รวมๆแล้วดีไซน์ของ OPPO F5 [6GB] ก็สวยงามเช่นเดียวกับรุ่นปกติ แต่ทีเด็ดกว่าก็คือโมเดลนี้จะมีสีแดงสดมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพิ่มความพรีเมี่ยมและแตกต่างจากรุ่นธรรมดาได้พอสมควร คือถือแล้ว็ดูเด่นกว่าจริงๆนะ :P นอกนั้นก็ทำได้ดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ Full Screen Display ยาวๆแสดงผลสวยงาม การวางตำแหน่งต่างๆทำได้ลงตัวดี แต่ก็มีจุดที่ไม่ชอบด้วยอย่างเรื่องขอบเครื่องที่ดูจะขัดๆมือเวลาถือ (มันจะทิ่มหน่อยๆเวลาบีบจับแน่นๆ) ตรงนี้ถ้าหาเคสมาใส่หรือลองปรับตัวจับถือจนชินก็แก้ปัญหาได้อยู่เนาะ
สเปค OPPO F5 [6GB]
- รัน Android 7.1.1 Nougat ครอบด้วย Color OS 3.2
- หน้าจอ TFT-LTPS 6 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- กระจก Gorilla Glass 5
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6763T Octa-core 2.5GHz
- ชิปกราฟิก Mali-G71 MP2 GPU
- แรม 6GB
- รอม 64GB
- รองรับ Micro-SD 256GB
- แบตเตอรี่ 3,200mAh
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.8
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- รองรับสแกนใบหน้า
- รองรับ 2 ซิม
- ขนาดตัวเครื่อง 156.5 x 76 x 7.5 มม.
- น้ำหนัก 152 กรัม
- วางจำหน่าย 2 สี ดำด้านและแดง
ในเรื่องสเปคนั้นหลักๆที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นปกติก็คือแรม ตามชื่อรุ่นจาก 4GB เป็น 6GB และอีกจุดก็คือรอมหรือหน่วยความจำภายในที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 64GB จาก 32GB ด้วย นอกนั้นก็เป็นสเปคเดิมเลยครับไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 6 นิ้ว FHD+, หรือหน่วยประมวลผล MediaTek MT6763T, แบตเตอรี่ 3200 mAh และปิดท้ายที่กล้องหน้าและหลังความละเอียดสูงพร้อมจะถ่ายได้สวยเนียนเหมือนเคย
ทดสอบประสิทธิภาพ
ด้วยหน่วยความจุแรมที่เพิ่มขึ้นมาอีก 2GB ในเรื่องของประสิทธิภาพก็จะดีขึ้นมาอีกหน่อย แต่ในส่วนของหน่วยประมวลผลต่างๆยังคงใช้เป็นตัวเดิมทั้งหมด เมื่อจับมาทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark ผลคะแนนทดสอบของรุ่นนี้จึงออกมาที่ 69,616 คะแนน เพิ่มจากรุ่นปกติราวๆ 5,000 คะแนนเลยทีเดียวครับ
ระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์เบื้องต้น
OPPO F5 [6GB] มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 3.2 อีกที
หน้าตา UI เหมือนเดิมเป๊ะ ไม่มีอะไรใหม่เป็นพิเศษหรือพวกตีมต่างๆที่เป็นสีแดงมาตั้งแต่ต้นครับ พวกไอคอนหรือ Wallpaper ตั้งแต่เริ่มต้นก็จะใช้แบบเดียวกับสีปกติที่เคยรีวิวไปแล้วเลย แต่เมื่อเราเปลี่ยน Wallpaper ให้เป็นสีแดง (มีมาให้เลือกเปลี่ยน) ก็ดูกลมกลืนกับตัวเครื่องขึ้นมาอีกหน่อย
แถบแจ้งเตือนด้านบนจะเป็นเพียงการแจ้งเตือนล้วนๆไม่มีหน้า Toggle มาให้ปรับเปิด-ปิด Wifi อะไรพวกนั้นแล้ว เพราะพวก Toggle Switch ถูกย้ายมาไว้ที่ล่างหน้าจอแทน การจะเรียกขึ้นมาก็เพียงปาดนิ้วขึ้นมาจากล่างหน้าจอครับตรงนี้ยังมีพวกทางลัดแอปอื่นๆอย่างการเปิด-ปิดไฟฉาย , เครื่องคิดเลขหรือเข้ากล้องด้วย
หน้า Recent App แสดงผลตัวอย่างแอปได้ใหญชัดเจน มีบอกสถานะของแรมที่เหลือใช้อยู่ด้านล่างนี้ด้วย และเราสามารถเคลียร์ทั้งหมดออกได้โดยการกดที่ปุ่มกากบาทด้านล่างครับ แรม 6GB ที่เพิ่มเข้ามานั้น เพิ่มขึ้นมาเยอะพอสมควรเพราะจะเหลือใช้จริงราวๆ 3.5-4GB กันเลยทีเดียว ตรงนี้หายห่วงเลือกการสลับแอปเลยล่ะ เหลือใช้เยอะจริงๆ
การปรับแต่งต่างๆอย่างพวก Theme ก็ยังคงมีให้เลือกปรับตามสไตล์เราเหมือนเคย โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่เลยด้วยว่าจะเลือกเปลี่ยนแบบทั้ง Theme หรือแบบ Wallpaper อย่างเดียว
ในหน้า Lock screen ทาง OPPO ยังคงมีรูปสวยๆสลับเปลี่ยนมาให้ดูเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพนางแบบ ภาพวิวสวยๆผลัดเปลี่ยนมาให้ชมตลอดๆ หรือจะเลือกเฉพาะหมวดใดหมวดนึงก็ได้นะ เราสามารถเข้าไปเลือก Lockscreen Magazine ไดได้ที่ Settings > Display & Brightness> Lockscreen Magazine & Wallpaper ครับ
ในเรื่องความปลอดภัยก็หายห่วงได้ทาง OPPO ใส่แอป Security Center มาให้เราได้จัดการไฟล์ขยะ , ตั้งค่าความเป็นส่วน หรือแม้กระทั่งสแกนหาไวรัสก็ทำได้เช่นกัน
ฟีเจอร์ Gesture & Motion
ความสามารถด้านการควบคุมต่างๆก็ยังมีมาให้อยู่แต่ก็ตัดพวกที่ไม่จำเป็นออกไปเยอะแบ่งออกเป็น 3 โหมดหลักๆคือ Screen-off Gestures , Quick Gesture และ Smart call ตรงนี้เราสามารถเข้ามาตั้งค่าได้ที่ Settings > Gesture & Motion เลยครับ
Screen-off Gestures
ฟีเจอร์สำหรับตอนหน้าจอปิดอาทิการแตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ , วาดสัญลักษณ์ตัว O เพื่อเข้ากล้อง , วาดสัญลักษณ์ตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย เป็นต้น
Smart Call
ฟีเจอร์สำหรับการโทรออกและรับสายอาทิรับสายอัตโนมัติเมื่อนำเครื่องมาแนบหู , คว่ำหน้าเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า
Gesture Screenshot
การรูด 3 นิ้วลงมาเพื่อแคปหน้าจอ เป็นต้น
Clone Apps แบ่ง 2 แอปแชทได้ง่ายๆ
ไหนๆเครื่องก็รองรับได้ 2 ซิมแล้ว พวกแอปแชทต่างๆก็น่าจะทำให้ใช้งานได้ 2 ตัวเหมือนกันเนาะ บน OPPO F5 [6GB] นี้มาพร้อมความสามารถที่เรียกว่า Clone Apps มาให้เราได้แยกแอปแชทเด่นๆออกเป็น 2 แอป ทำให้เราใช้งานได้ 2 บัญชีได้ด้วย อาทิ LINE , Whatsapp หรือ WeChat เมื่อเราทำการ Clone App แล้ว ตัวแอปจะแบ่งออกมาให้เราอีกหนึ่งไอคอน พร้อมกันชื่อที่ลงท้ายด้วย (Clone)ครับ แต่ตัวไอคอนของแอปยังเหมือนเดิมนะไม่มีแถบสีอะไรคาดให้เด่นกว่า การเข้าไปเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ก็เข้าไปที่ Settings > Clone Apps และหาแอปที่เราจะโคลนได้เลยครับ
ระบบปลดล็อคที่มากกว่าเดิม
ในเรื่องของระบบปลดล็อคของ OPPO F5 [6GB] ก็ไม่ต่างกับรุ่นปกติครับ มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่องอย่างที่เห็นๆกันไป วางตำแหน่งไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่องได้อย่างดี ทำให้การเข้าถึง แตะสแกนทำงานสะดวกใช้ได้เลย แถมยังสแกนได้รวดเร็วเอามากๆด้วยเพียงแต่แตะปุ๊บก็ติดปั๊บไม่ต้องมากดปลุกจอก่อนแต่อย่างใด
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้รูปแบบสแกนลายนิ้วมือล็อคบางแอปที่สำคํยๆได้ด้วย อย่างเช่นเราไม่อยากให้ใครมาดูแอป Facebook ของเราก็เพียงตั้งค่าตัว App Lock ไว้ เวลาจะเข้า Facebook ก็จะมีเตือนให้ใส่รหัสหรือสแกนลายนิ้วมือเข้าไปแทน ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นรูปแบบความปลอดภัยอีกอย่างนึงที่นอกจากการปลดล็อคชั้นนอกแล้ว ภายในก็มีด้วย แต่ตรงนี้ต้องระวังอย่าให้เค้ารู้รหัสเราได้ล่ะ :P
อีกจุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาจากระบบสแกนลายนิ้วมือก็คือระบบสแกนใบหน้าหรือ Face Recognition นั่นเอง การปลดล็อคด้วยใบหน้า เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นใหม่ที่ง่ายและสะดวกขึ้นไปอีก ระบบนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้เก๋ๆ ช่วยให้ใช้งานปลดล็อคได้อีกรูปแบบในบางครั้งที่ไม่สะดวกจะเอานิ้วไปวางที่สแกนด้านหลังก็เพียงกดปุ่ม Power แล้วมองไปที่หน้าจอ ก็สามารถปลดล็อคเครื่องได้ในเสี้ยววินาทีแล้ว แต่ในเรื่องความปลอดภัยถ้าใช้ฝาแฝดที่หน้าเหมือนกัน ตัวระบบยังคงถูกหลอกได้อยู่นะ :P
ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมด้วย OPPO F5[6GB]
เข้าสู่เรื่องของการดูหนังฟังเพลงบน OPPO F5 [6GB] กันต่อ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจออัตราส่วนแบบใหม่ 18:9 ทำให้ได้ความยาวของจอมากขึ้น มุมมองในการดูหนังหรือไฟล์วิดีโอที่มีอัตราส่วนแบบ 21:9 ก็จะแสดงผลได้เต็มจอกว่าแบบมาตรฐาน 16:9 พอสมควร แถมล่าสุดทาง YouTube ก็ออกมารองรับการเล่นไฟล์ 21:9 ให้เต็มจอมากขึ้นบนมือถือ Full Screen แบบนี้เรียบร้อยแล้วด้วย ทำให้เรื่องขอบดำด้านข้าง (ซ้าย-ขวา) นั้นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
เรื่องเสียง OPPO ยังคงทำได้ดีเช่นเคย เสียงผ่านหูฟังก็ให้ระบบเสียง Real HD Sound มาให้ตรงนี้เสียงจะออกทุ้มๆหน่อย ส่วนตัวแอบชอบแบบปกติที่ไม่เปิดเอฟเฟกต์มากกว่า :P ส่วนเสียงจากลำโพงก็ให้มิติกลางๆ เสียงดังกำลังดีเลย
แต่ปัญหาเดิมๆของการวางตำแหน่งที่ไม่ดีก็ยังมีอยู่เพราะรุ่นนี้ยังคงวางตำแหน่งลำโพงไว้ด้านล่างฝั่งซ้าย เวลาเราจับถือเครื่องแนวนอนแบบปกติตัวอุ้งมือของเราจะไปปิดที่ตัวลำโพงพอดิบพอดี ซึ่งทำให้เสียงที่ได้ออกมาไม่ชัดเจนนัก ยิ่งเวลาดูคลิปหรือเล่นเกมนี่มักจะปิดบ่อยๆด้วย
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องเล่นเกมแล้ว ลองมาเล่นเกมกันต่อเลยดีกว่า OPPO F5 [6GB] มาพร้อมหน่วยประมวลผล MediaTek MT6763T Octa-core 2.5GHz , Mali-G71 MP2 GPU และแรมที่เพิ่มมาเป็น 6GB ประสิทธิภาพโดยรวมก็ทำได้ดี ในเรื่องเล่นเกมก็เช่นกันเพราะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Game Acceleration ที่ช่วยปรับจูนตัวเกมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นเล่นได้ลื่นไหล และจัดการพวกระบบแจ้งเตือนต่างๆได้เป็นอย่างดี ปิดการแจ้งเตือนจากแอปแชทเวลาเราเล่นเกมไม่ให้มากวนใจ แต่ถ้ามีสายเข้าก็สามารถกดรับไปเล่นไปได้ด้วย โดยที่เกมก็ไม่หลุดแถมยังคุยโทรศัพท์ตอบโต้ไปพร้อมกันได้ด้วยนะ
ประสิทธิภาพการเล่นเกมเมื่อจับมาทดสอบการเล่นเกมสุดฮิตอย่าง ROV ก็พบว่าทำได้ดีทีเดียวครับตัวแรมที่มากขึ้นอาจจะไม่ได้เห็นผลตรงนี้ชัดเจนมาก (การประมวลผลขึ้นอยู่กับชิปเซ็ตซะมากกว่า) แต่ก็ช่วยในเรื่องการทำงานที่ลื่นไหลอย่างการสลับแอปมาทำอะไรแป๊บๆและกลับไปเล่นเกมต่อก็ไม่ทำให้ตัวแอปถูกเคลียร์ไป เล่นต่อได้ทันที คุณภาพการเล่นจริงๆของเกม ROV จังหวะที่มีการตีกันมากๆตัวเฟรมเรตจะอยู่ที่ราวๆ 28 - 35fps ถือว่าเล่นได้เพลินๆนะ แถมด้วยตัวหน้าจอที่ยาวขึ้นกว่าเดิม ทำให้เรามองเห็นแมพได้กว้างขึ้นด้วย ถือว่าทำได้ดีครับในเรื่องของการเล่นเกม
กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซลบน OPPO F5 [6GB]
ไฮไลท์หลักเรื่องกล้องตรงนี้ไม่ต่างจากรุ่นปกติเลย เพราะฮาร์ดแวร์และซอฟต์ก็ตัวเดียวกันเป๊ะๆอะเนอะ โดยให้กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง f/2.0 เรียกว่าเหมาะกับการเซลฟี่มากๆอีกรุ่น ตามสโลแกนของรุ่นนี้อย่าง Capture the Real You เลยล่ะ
ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกล้องหน้าเพียงตัวเดียว แต่ก็ยังมีเอฟเฟกต์หน้าชัด-หลังเบลอหรือ Depth Effect มาให้เราได้เปิด-ปิดด้วย อยากละลายหลังสวยๆก็แตะที่ไอคอนรูปหยดน้ำให้ขึ้นเป็นสีเหลืองได้เลยครับ
ส่วนโหมดการถ่ายภาพก็ให้ตามมาตรฐานค่ายนี้ครับ Auto , Video , Panorama , Time-Lapse และที่ขาดไม่ได้ Beauty นั่นเอง ซึ่งรอบนี้พิเศษกว่ารุ่นก่อนๆเพราะทาง OPPO ใส่ระบบ A.I. เข้ามาช่วยประมวลผลและปรับแต่งความเนียนให้เข้ากับใบหน้าของผู้ถ่ายมากขึ้น ไม่หลอกจนเกินไปด้วย หรือถ้าใครอยากจะเลือกแบบปรับเองก็ตามสะดวกครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO F5 [6GB] คุณภาพของกล้องหน้ารุ่นนี้ยังคงทำได้น่าทึ่งเช่นเคยครับ ในเรื่องความเนียนนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะสวยมานานแล้ว ใบหน้าและเอฟเฟกต์ที่ปรับแต่งเข้าไปทำให้ใบหน้าเราสวย หล่อกันได้แบบง่ายๆ แถมระบบ A.I. ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ยนี้ยังช่วยให้ระดับความสวยเนียนของใบหน้าดูเหมาะสมมากขึ้น การละลายฉากหลังจากด้วยเอฟเฟกต์ก็ทำได้เนียนตามากขึ้นโบเก้มาเป็นดวงสวยๆ ขอบต่างๆเก็บได้อย่างดี ไม่เหมือนก่อนๆที่ตามขอบผมหรือใบหูจะแอบมีหลุดบ้างแล้ว ยอดเยี่ยมครับ !
กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล
ในส่วนของกล้องหลังอาจจะดูเหมือนเป็นตัวรองไปเลย แต่เอาเข้าจริงฮาร์ดแวร์ที่ให้มาก็ไม่ธรรมดาครับ กับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้างถึง f/1.8 มาระบบ Auto HDR มาให้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OPPO F5 [6GB] คุณภาพถือว่าดีใช้ได้เลยล่ะ สำหรับรุ่นนี้ สีสันและรายละเอียดครบถ้วยความชัด การจับภาพทำได้ดีเมื่อปิดโหมด HDR ถ้าเปิด Auto HDR การจับภาพจะช้าลงกว่าเดิมนิดหน่อย ระบบโฟกัสเร็วใช้ได้ แต่บางครั้งแอบมีหลุดโฟกัสบ้างในสภาพแสงน้อย ต้องย้ำโฟกัสเองบ่อยๆ และกล้องไม่มี OIS มาให้ แสงน้อยอาจจะต้องใช้การถือในนิ่งนิดนึงเวลาจับภาพ ไม่งั้นจะแอบสั่นๆและหลุดโฟกัสได้น่ะนะ
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
ในส่วนของแบตเตอรี่ รุ่นนี้ให้ความจุมาเยอะทีเดียวที่ 3200 mAh สเปคภายในและตัวระบบไม่ได้ซดแบตเท่าไหร่ ทำให้ใช้งานทั่วๆไปทำได้ดีมาก เอาจริงๆใช้งานหนักหน่อยอย่างถ่ายรูปหรือเล่นเกมบ้างก็ยังถือว่าอึดเอาเรื่องเลยสำหรับ OPPO F5 [6GB] นี้ แต่น่าเสียดายี่รุ่นนี้ไม่รองรับระบบชาร์จไวอย่าง VOOC Flash Charge ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วสุดๆมาด้วย ทำให้เวลาชาร์จจะช้ากว่ารุ่นที่มี Fast Charge พอสมควรครับ
สรุป !
ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่อัปสเปคขึ้นมาแบบสูงสุด ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเพื่อนๆที่ชอบสเปคแบบจัดเต็มที่สุดของตระกูล F5 นี้ เพราะในเรื่องของหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นมาเป็นแรม 6GB และรอม 64GB ก็ดูลงตัวมากขึ้นในเรื่องของการใช้งานและความลื่นไหล นอกนั้นก็ทำได้ตามมาตรฐานของ F5 ที่ได้เคยบอกไว้ในรีวิวก่อน ทั้งหน้าจอ Full Screen 18:9 สำหรับยุคใหม่ที่กำลังมาแน่ในปีหน้า อีกทั้งหล้องที่เป็นเลิศด้วยระบบ A.I. Beauty ที่ใครได้ลองคงต้องเอ่ยปากชมว่ามันสวยเนียนเป็นธรรมชาติมากๆจริงๆ สำหรับใครที่กำลังเล็งๆ OPPO F5 แต่อยากได้หน่วยความจำที่มากขึ้น เจ้า OPPO F5 [6GB] นี้ก็เป็นหนึ่งตัวเลือกความคุ้มค่าที่ควรเขยิบงบขึ้นมาอีกนิดเพื่อได้อะไรที่มากกว่า แต่ที่ขาดไม่ได้โมเดลนี้มี "สีแดงสด" ด้วยนะเออ !
ราคาค่าตัวของ OPPO F5 [6GB] อยู่ที่ 13,990 บาท
จุดเด่น
- หน้าจอแบบ 18:9 ความละเอียด FHD+ แสดงผลสวยงาม
- สเปคภายในทำงานได้ลื่นไหล
- กล้องหน้าคุณภาพเยี่ยมมีระบบ A.I.ปรับแต่งหน้าเนียนสวยๆ
- กล้องหลังถ่ายง่ายคุณภาพดี
- ระบบสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือทำงานได้รวดเร็ว
- ColorOS 3.2 ใหม่ไฉไลกว่าเดิม
- รองรับ 2 ซิมและ micro-SD ด้วยถาดซิมแบบ 3 Slot
- มีสีแดงด้วย
จุดสังเกต
- ตัวเลนส์กล้องหลังนูนออกมาจากตัวเครื่องพอสมควร
- ตำแหน่งของลำโพงวางไว้ไม่ดีมีผลต่อการใช้งานแนวนอน
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite